วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2561

【รีวิว】The Last Battle

หนังสือ “The Last Battle”
นวนิยายชุด The Chronicles of Narnia เล่ม 7
ผู้เขียน : ซี. เอส. ลิวอิส (C. S. Lewis)

หนังสือพาไป | The Last Battle

         เล่มสุดท้ายของนวนิยายชุดโปรดของผมได้มาถึงแล้ว...

         ถึงแม้จะอ่านเป็นรอบที่สอง แต่ความสนุกและซาบซึ้งกินใจก็ยังเต็มอิ่มเหมือนเดิม  สำหรับผมเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งเล่มที่คอวรรณกรรมเยาวชนทุกท่านควรอ่านครับ  ถ้าใครยังไม่เคยรู้ตอนจบมาก่อน ผมรับรองว่าตอนจบจะต้องทำให้คุณอึ้ง!  ครั้งแรกที่ผมอ่าน ผมยังอึ้งเลย  ผู้เขียนได้สอดแทรกหลักปรัชญามากมายที่ซ่อนอยู่ในแต่ละบรรทัดอย่างแนบเนียน  เรียกได้ว่า ถ้าจะอ่านนาร์เนียให้รู้เรื่องและเข้าใจแนวความคิดของผู้เขียน ต้องอ่าน "ระหว่างบรรทัด"

       สำหรับตัวผมเอง ถึงแม้นวนิยายชุดนี้จะจบลงไปนานแล้ว แต่นวนิยายชุดนี้จะเป็นที่หนึ่งในใจผมตลอดไป  ขอบคุณผู้เขียนมากจริง ๆ ครับ ที่ได้มอบโลกแห่งจินตนาการใบนี้ไว้ให้ผู้อ่านทุกคน :)

คำคมจากหนังสือ "The Last Battle"


Their prison is only in their own minds,
yet they are in that prison;
and so afraid of being taken in that they cannot be taken out.
- Aslan, หน้า 169 -

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2561

【รีวิว】แค่ใช้คําให้เป็น พูดไม่ต้องเก่งก็พลิกสถานการณ์ได้

หนังสือ "แค่ใช้คําให้เป็น พูดไม่ต้องเก่งก็พลิกสถานการณ์ได้" (伝え方が9割 2)
โดย ซาซากิ เคอิจิ (佐々木圭一)

หนังสือพาไป | แค่ใช้คําให้เป็น พูดไม่ต้องเก่งก็พลิกสถานการณ์ได้

หนังสือพาไป | 伝え方が9割 2

         หนังสือ แค่ใช้คําให้เป็น พูดไม่ต้องเก่งก็พลิกสถานการณ์ได้ เล่มนี้เป็นภาคต่อของ แค่ใช้คำให้ฉลาด ก็เพิ่มโอกาสจาก 0 เป็น 100  แต่ถึงแม้เราจะไม่ได้อ่านเล่มแรก เราก็สามารถอ่านเล่มนี้ได้รู้เรื่องครับ เพราะผู้เขียนได้สรุปเนื้อหาจากเล่มหนึ่งแบบย่อ ๆ ไว้ภายในเล่มนี้ด้วย  ในหนังสือเล่มนี้ ผู้อ่านจะได้พบกับตัวอย่างการใช้คำที่ดีในชีวิตประจำวันมากขึ้น  บางตัวอย่างทำให้ผมรู้สึกอึ้งไปเลยย เพราะแค่เราเปลี่ยนคำพูดนิดเดียว ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ต่างกันราวฟ้าเหว

         หนังสือเล่มนี้นับว่าเป็นหนังสือจิตวิทยาที่ดีทีเดียวครับ  อ่านได้ไม่เบื่อ (อาจจะเพราะตัวหนังสือไม่ค่อยเยอะ555)  อ่านแป๊บเดียวก็จบ แต่ความรู้ที่ได้นี่ไม่น้อยเลยครับ :)

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561

【รีวิว】แค่ใช้คำให้ฉลาด ก็เพิ่มโอกาสจาก 0 เป็น 100

หนังสือ "แค่ใช้คำให้ฉลาด ก็เพิ่มโอกาสจาก 0 เป็น 100" (伝え方が9割)
โดย ซาซากิ เคอิจิ (佐々木圭一)

หนังสือพาไป | แค่ใช้คำให้ฉลาด ก็เพิ่มโอกาสจาก 0 เป็น 100

หนังสือพาไป | 伝え方が9割

         ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนล้วนเคยถูกคนอื่นปฏิเสธมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน  บางทีเราก็ปลอบใจตัวเองว่าเราไม่สามารถควบคุมคนอื่นได้  การถูกปฏิเสธจึงเป็นเรื่องธรรมดา  แต่หนังสือเล่มนี้ได้สอนให้ผมรู้ว่าการใช้คำพูดมีความสำคัญมากกว่าที่ผมคิด!  แค่คุณเปลี่ยนคำพูดเพียงเล็กน้อย ผลลัพธ์ที่ได้อาจเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ

         หนังสือเล่มนี้ได้มอบเทคนิคการพูด (รวมถึงการเขียน) มากมายให้ผม  หลายต่อหลายเทคนิคเป็นเทคนิคธรรมดา ๆ ง่าย ๆ ที่เราอาจจะเคยมองข้าม แต่ผู้เขียนทำให้ผมรู้สึกว่าการพูดให้ดีนั้นง่ายกว่าที่คิดครับ

คำคมจากหนังสือ "แค่ใช้คำให้ฉลาด ก็เพิ่มโอกาสจาก 0 เป็น 100"


ชีวิตไม่ได้หมายถึงการมีลมหายใจอยู่ยาวนานแค่ไหน
แต่เป็นชั่วขณะที่หัวใจสั่นไหวมากแค่ไหนต่างหาก
- หน้า 158 -

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561

【รีวิว】The Silver Chair

หนังสือ “The Silver Chair”
นวนิยายชุด The Chronicles of Narnia เล่ม 6
ผู้เขียน : ซี. เอส. ลิวอิส (C. S. Lewis)

หนังสือพาไป | The Silver Chair

         จบไปแล้วกับนาร์เนีย เล่ม The Silver Chair หรือในชื่อภาษาไทยว่า เก้าอี้เงิน  เล่มนี้เป็นเล่มที่ผมคิดว่าโทนของเรื่องต่างจากเล่มอื่นพอสมควร  อาจจะเพราะว่าไม่มีสี่พี่น้องพีเวนซี่แล้ว (ฮืออ เสียใจ ToT คิดถึงสี่พี่น้องจรูงง)  โทนเรื่องในเล่มนี้จะออกดาร์ก ๆ ครับ  ทั้ง ๆ ที่นาร์เนียเล่ม The Lion ก็มีแม่มดเหมือนกัน แต่ผมว่าในเล่มนี้ดูดาร์กกว่าเยอะครับ  คงเพราะว่าเล่มนั้นเป็นแม่มดขาวก็เลยไม่ดาร์กเท่า555+

         ในเล่มนี้ผู้อ่านจะได้รู้จักกับตัวละครใหม่ที่ชื่อว่าจิลล์ โพล  จิลล์เป็นเพื่อนของยูซตาสที่โรงเรียนครับ  ตอนที่ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ แรก ๆ รู้สึกไม่ค่อยชอบจิลล์ยังไงไม่รู้  รู้สึกว่าเธอชอบทำเสียแผน แล้วก็เอาแต่ใจมาก ๆ ๆ ๆ แต่หลัง ๆ เธอเริ่มพัฒนาขึ้น ก็ให้อภัยได้ (อิ_อิ)

         โดยรวมแล้วเล่มนี้ก็สนุกไปอีกแบบดีครับ  ใครที่หลงใหลในนาร์เนียเหมือนผมก็ควรอ่าน (อย่างยิ่ง) จะได้เจอเจ้าชายแคสเปี้ยนอีกรอบ  นอกจากนั้นคุณยังจะได้ท่องไปในดินแดนนาร์เนียทางตอนเหนือที่คุณยังไม่รู้จักด้วยครับบ

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561

【รีวิว】ลอนดอนไดอารี่

หนังสือ “ลอนดอนไดอารี่”
ผู้เขียน : นิ้วกลม

หนังสือพาไป | ลอนดอนไดอารี่

         ลอนดอนไดอารี่ เป็นบันทึกการเดินทางไปเรียนภาษาที่กรุงลอนดอน (ตามชื่อเรื่อง คงไม่ไปโตเกียว)  คุณนิ้วกลมถ่ายทอดบรรยากาศและความประทับใจรอบตัวออกมาได้ดี  เกือบทุกบทจะมีข้อคิดแฝงอยู่  ยิ่งผมอ่านหนังสือแนวนี้มากเท่าไหร่  ผมก็ยิ่งแปลกใจว่าในเรื่องธรรมดา ๆ บางเรื่องของชีวิตที่เรามองผ่านไป  นักเขียนดัง ๆ เขาสามารถนำมีตีความเป็นเรื่องราวคม ๆ ซึ้ง ๆ ให้เราอ่านแล้วกินใจได้

         หากเพื่อน ๆ คนไหนอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วหวังว่าจะได้ไปเที่ยวที่นู่นที่นี่เยอะ ๆ ก็อาจจะไม่ได้สนองนี้ดสักเท่าไหร่  เพราะ เล่มนี้เขาไม่ได้เน้นเที่ยวเยอะ ๆ แต่เขาเน้นเก็บรายละเอียดครับ 5555

คำคมจากหนังสือ "ลอนดอนไดอารี่"


เข็มทิศที่ดีที่สุดในโลกคือ หัวใจของเรา
- หน้า 25 -

หากเดินตามเสียงหัวใจ
ย่อมไม่มีวันหลงทาง
- หน้า 25 -

เราเดินได้เส้นทางเดียว นั่นคือเสน่ห์ของการเดินทาง
แต่เส้นทางเดียวที่ว่านั้น เราเลือกมันได้ และนั่นคือเสน่ห์ของชีวิต
- หน้า 36 -

หากไม่ทิ้งสิ่งเก่าไปบ้าง
จะมีที่ว่างให้สิ่งใหม่ที่จะเจอระหว่างทางข้างหน้าได้อย่างไร
- หน้า 115 -

จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และความมุ่งมั่นตั้งใจ
เปลี่ยนแปลงโลกมานักต่อนัก
- หน้า 241 -

วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2561

【รีวิว】The Magician's Nephew

หนังสือ “The Magician's Nephew”
นวนิยายชุด The Chronicles of Narnia เล่ม 1
ผู้เขียน : ซี. เอส. ลิวอิส (C. S. Lewis)

หนังสือพาไป | The Magician's Nephew

         ในที่สุดผมก็ได้กลับมาอ่านนาร์เนียเล่มนี้อีกครั้ง...

         The Magician's Nephew ถูกเรียงลำดับเป็นเล่มที่ 1 ในหนังสือชุดนาร์เนียทั้ง 7 เล่ม แต่แท้ที่จริงแล้วผู้เขียนเองไม่ได้แต่งเล่มนี้ออกมาเป็นเล่มแรก

         หลังจากที่ผมอ่านจบ  ผมรู้สึกว่าเล่มนี้สนุกกว่าที่ผมคิดไว้ (มากก)  สนุกและตื่นเต้นตั้งแต่ต้นจนจบเลยครับ  เล่มนี้ทำให้ผมเข้าใจที่มาที่ไปของสิ่งต่าง ๆ ในนาร์เนีย  ทำให้ผมได้รู้ว่าแม่มดขาวมาจากไหน ตู้เสื้อผ้ามาจากไหน หรือแม้แต่รู้ว่าเสาไฟที่ลูซี่ไปเจอในครั้งแรกที่เข้าไปยังดินแดนนาร์เนียนั้นมาจากไหน  นอกจากจะได้เข้าใจถึงที่มาที่ไปต่าง ๆ แล้ว  ตัวละครในเรื่องก็ยังมีเสน่ห์ตามแบบฉบับของนาร์เนียครับ  อ่านแล้วจะรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้พบอัสลานยังไงยังงั้น

วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2561

【รีวิว】The Voyage of the Dawn Treader

หนังสือ “The Voyage of the Dawn Treader”
นวนิยายชุด The Chronicles of Narnia เล่ม 5
ผู้เขียน : ซี. เอส. ลิวอิส (C. S. Lewis)

หนังสือพาไป | The Voyage of the Dawn Treader

         หลังจากอ่านนิยายเล่มนี้จบแล้ว ผมมีความรู้สึกสองอย่าง  หนึ่งคือรู้สึกอิ่มใจ เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นทุกครั้งเวลาอ่านนิยายในชุดนี้ แต่ความรู้สึกที่แปลกออกไปคือความรู้สึกที่สอง ซึ่งก็คือความรู้สึกใจหาย  ในเล่มนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ลูซี่กับเอ็ดมันด์ได้กลับเข้ามายังดินแดนนาร์เนีย  เด็กทั้งสองจะไม่ได้กลับมายังดินแดนแห่งนี้อีกแล้ว  ตอนที่ดูฉากนี้ในภาพยนตร์ผมถึงกับน้ำตาไหลเลยทีเดียว  สำหรับเด็กทั้งสองคน ดินแดนนาร์เนียก็เปรียบเสมือนครอบครัว  การไม่ได้กลับมาที่นี่อีกก็เหมือนการพลัดพรากจากคนที่เรารัก

         จุดพีคของเรื่องนี้อยู่ตรงที่อัสลานได้เฉลยออกมาเป็นนัย ๆ ว่าตัวอัสลานเองก็มีตัวตนอยู่ในโลกของเราด้วย  เด็ก ๆ ทั้งสองอย่าโศกเศร้าเสียใจไปเลย  ถึงแม้จะไม่ได้กลับมานาร์เนียแล้ว  แต่ในโลกของเรา ทั้งสองก็ยังพบอัสลานได้  เพียงแต่... อัสลานในโลกของเรานั้นมีอีกชื่อหนึ่ง!  นี่แหละครับคือจุดพีคที่ผู้เขียนได้เผยออกมาให้ผู้อ่านได้อึ้งไปตาม ๆ กันว่า จริง ๆ แล้วเด็ก ๆ ในเรื่อง รวมถึงพวกเราคนอ่าน ก็รู้จักอัสลาน (ในโลกของเรา) กันอยู่แล้ว  เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเขาคืออัสลานเท่านั้นเอง  อัสลานคือใครต้องไปเดากันเอาเองนะคร้าบ  ถ้าบอกเดี๋ยวจะไม่สนุก อิอิ

         พูดถึงภาพยนตร์...
         ภาพยนตร์นาร์เนียภาค 3 ที่อิงมาจากหนังสือเล่มนี้  ได้เปลี่ยนเนื้อหาไปเยอะเลยทีเดียว  หลาย ๆ ฉากถูกสลับไปมา  แต่แฟน ๆ นิยายดูแล้วก็ยังไหลลื่นไม่ติดขัดอะไร  ฉะนั้น ผมให้สามผ่านครับ555  ภาพก็สวย  นักแสดงก็คัดมาอย่างดี  ใครยังไม่ได้ดู แนะนำให้ดูเลยครับ

คำคมจากหนังสือ "The Voyage of the Dawn Treader"


Child, did I not explain to you before
that no one is ever told what would have happened?
- Aslan, หน้า 159 -

For you the door into Aslan's country is from your own world.
- Aslan, หน้า 246 -

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2561

【รีวิว】ชีวิตดีขึ้นทุก ๆ ด้านด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว

หนังสือ "ชีวิตดีขึ้นทุก ๆ ด้านด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว" (人生がときめく片づけの魔法)
ผู้เขียน : คนโด มาริเอะ (近藤麻理恵)

หนังสือพาไป | ชีวิตดีขึ้นทุก ๆ ด้าน ด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว

หนังสือพาไป | 人生がときめく片づけの魔法

         ในที่สุดก็อ่านเล่มนี้จบ!  หลังจากดองมานานนน5555+ (ในเลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่)

         น้ำตาแห่งความปลื้มปีตินะครับ TT  อยากจะคารวะท่านคมมาริสัก 3 รอบ เพราะหนังสือเล่มนี้เขาดีจริง ๆ  ผมว่าเป็นหนึ่งในหนังสือฮาวทูของญี่ปุ่น ไม่สิ ของโลก ที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ (อวยเยอะไปไหน)  ลองอ่านดูสิครับ แล้วคุณจะรู้สึกว่าคนโด มาริเอะซัง แต่งหนังสือเล่มนี้ได้ดีจริง ๆ นะครับ  หนังสือเล่มนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่าผู้เขียนไม่ได้เป็นผู้ที่ชื่นชอบการจัดบ้านแบบธรรมดา ๆ แต่ผู้เขียนคือผู้ที่อุทิศทั้งกายและใจให้กับการจัดบ้าน  การจัดบ้านคือความสุขของเธอ  ผมเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนจะรับรู้ได้ ว่าผู้เขียนมีความสุขมากขนาดนั้นเวลาจัดบ้าน (หรือช่วยผู้อื่นจัดบ้าน)

         แค่อ่านหนังสือเล่มนี้อย่างเดียวคงไม่พอ เราควรจะลงมือจัดบ้านตามที่หนังสือเล่มนี้สอนด้วยครับ  ผมเองก็ได้ลงมือจัดบ้าน (อาจจะไม่ได้ตามในหนังสือเล่มนี้ 100% ขอสารภาพผิด)  หลังจากจัดบ้าน ผมก็พบกับความเปลี่ยนแปลงมากมายในชีวิตครับ  ผมรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ผมรักที่แท้จริง  ผมตัดใจทิ้งสิ่งที่ไม่ปลุกเร้าความสุขออกไปจากชีวิตได้ง่ายขึ้น  ผมเลิกยึดติดในสิ่งที่ไม่ได้ทำให้ผมมีความสุข  ขอบคุณจริง ๆ ครับคุณคมมาริ :)

คำคมจากหนังสือ "ชีวิตดีขึ้นทุก ๆ ด้าน ด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว"


เมื่อบ้านของคุณเป็นระเบียบ
ก็เท่ากับว่าสิ่งต่าง ๆ และอดีตของคุณ
ถูกจัดให้เป็นระเบียบด้วย
คุณจึงมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการและไม่ต้องการในชีวิต
อะไรคือสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ
- หน้า 17 -

ห้องที่รกก็คือสมองที่รก
- หน้า 38 -

เราควรเลือกของที่อยากเก็บเอาไว้
ไม่ใช่ของที่อยากกำจัดทิ้ง
- หน้า 61 -

จงเก็บแต่ของที่มีคุณค่าทางจิตใจ
และกำจัดของที่เหลือทิ้งไปให้หมด
แล้วชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
- หน้า 63 -

หากคุณต้องการดื่มด่ำกับสิ่งที่มีความหมายต่อคุณอย่างแท้จริง
คุณก็ต้องเริ่มจากการทิ้งสิ่งที่ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จสิ้นไปแล้วเสียก่อน
- หน้า 85 -

ไม่ว่าเรื่องราวตอนนั้นจะยอดเยี่ยมสักแค่ไหน
เราก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับอดีตได้
ความสุขและความตื่นเต้นที่เราได้สัมผัสในตอนนี้ต่างหากที่มีความสำคัญกว่า
- หน้า 148 -

เมื่อคุณจัดระเบียบข้าวของ
นั่นหมายความว่าคุณกำลังจัดระเบียบอดีตด้วยเช่นกัน
สิ่งที่คุณทำคือการสะสางทุกสิ่งทุกอย่าง
และกดปุ่มเริ่มชีวิตใหม่เพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า
- หน้า 151 -

พื้นที่ที่เราอาศัยอยู่ในตอนนี้
ควรเป็นพื้นที่สำหรับตัวตนของเราที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ไม่ใช่สำหรับตัวตนในอดีต
- หน้า 152 -

หนึ่งในผลลัพธ์มหัศจรรย์ของการจัดบ้าน
ก็คือความมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง
- หน้า 221 -

【รีวิว】Prince Caspian

หนังสือ “Prince Caspian”
นวนิยายชุด The Chronicles of Narnia เล่ม 4
ผู้เขียน : ซี. เอส. ลิวอิส (C. S. Lewis)

หนังสือพาไป | Prince Caspian

         Prince Caspian หรือในชื่อภาษาไทยว่า เจ้าชายแคสเปี้ยน เป็นนวนิยายภาคต่อจาก The Lion, the Witch and the Wardrobe  (แต่พอเอามาเรียงตามลำดับเวลาแล้วกลายเป็นเล่มที่ 4 จากทั้งหมด 7 เล่ม)

         การดำเนินเรื่องในเล่มนี้ยังคงสนุกสนานเหมือนเติม  เพิ่มเติมคือความดาร์กหน่อย ๆ  เพราะนาร์เนียในยุคนี้ค่อนข้างจะเป็นยุคมืด  เราอาจจะไม่ได้เห็นเสน่ห์ของนาร์เนียเหมือนกับในครั้งแรกที่สี่พี่น้องได้เข้ามายังดินแดนนี้ (ก็แหงล่ะ เพราะเวลาผ่านมาถึง 1,300 ปีแล้วหนิ)  แต่นาร์เนียในยุคเจ้าชายแคสเปี้ยนนี้ก็มีเสน่ห์อีกแบบหนึ่ง

         สำหรับใครที่ดูหนังมา  ขอบอกว่าเนื้อเรื่องของหนังกับหนังสือต่างกันมากพอสมควร  ในหนัง ผู้กำกับได้ใส่ฉากสงครามให้อลังการขึ้นไปอีก นอกจากนั้นยังเปลี่ยนเนื้อหาบางตอนให้สมเหตุสมผลขึ้นด้วย  โดยรวมก็สนุกไปอีกแบบครับ :)

         ช่วงนี้เจ้าของบล็อกติ่งนาร์เนียเอามาก ๆ  หลังจากห่างหายไปนาน  กลับมาคราวนี้เลยติ่งหนักไปหน่อย  ขอตัวไปอ่านเล่มต่อไปก่อนนะค้าบบ

คำคมจากหนังสือ "Prince Caspian"


You have listened to fears, child
- Aslan, หน้า 153 -

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2561

【รีวิว】คิวชู | ภูเขา | เงาจันทร์

หนังสือ “คิวชู | ภูเขา | เงาจันทร์”
ผู้เขียน : โสภณ ศุภมั่งมี

หนังสือพาไป | คิวชู | ภูเขา | เงาจันทร์

         หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ผมได้อ่านเพราะความบังเอิญครับ  ตัวผมเองไม่เคยรู้จักผู้เขียนท่านนี้และหนังสือเล่มนี้มาก่อน  ผมบังเอิญเจอแล้วเห็นว่าหน้าปกสวยดี  หนำซ้ำยังเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่ผมชอบ ก็เลยหยิบขึ้นมาอ่านครับ

         ชื่อหนังสือก็บอกอยู่แล้วว่าหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะคิวชู (九州) ซึ่งคุณโสภณ (ผู้เขียน) กับภรรยาได้เดินทางไปเที่ยวกันเป็นระยะเวลาประมาณ 5 วัน แล้วก็มาเขียนบันทึกการเดินทางให้พวกเราได้อ่านกัน

         ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เป็นคนที่บรรยายสภาพแวดล้อมได้ละเอียดมากกกกก  บรรยายแม้กระทั่งใบไม้พลิ้วไหว  ทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพ เห็นภาพได้ชัดเจนเหมือนไปเที่ยวด้วยตัวเอง  นอกจากบรรยายสภาพแวดล้อมละเอียดแล้วยังบรรยายของกินละเอียดอีก!  ผมเองเป็นคนไม่ทานปลาดิบอยู่แล้ว พออ่านมาถึงฉากที่ผู้เขียนบรรยายการทานปลาดิบหรืออาหารดิบ ๆ  ถึงกับรู้สึกอยากอาเจียนเลยทีเดียว555  บรรยายซะเห็นภาพเลยครับ (แต่ดูเหมือนผู้เขียนจะชอบทานมาก)

         สำหรับใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวเกาะคิวชูแล้วอยากจะสัมผัสประสบการณ์การไปเที่ยวแบบธรรมชาติ ๆ  หนังสือเล่มนี้ตอบโจทย์คุณได้ครับ  ผมยังอยากจะจัดทริปไปเที่ยวตามหนังสือเล่มนี้เลย (แต่คงไม่กินปลาดิบกับเนื้อม้านะ555)

คำคมจากหนังสือ "คิวชู | ภูเขา | เงาจันทร์"


น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่รัก
และรักในสิ่งที่ทำ
- หน้า 112 -

ถ้าตัดสินใจแล้วต้องไปให้สุด
แม้จะยากและล้มกี่ครั้ง
อาจจะไม่สำเร็จอย่างที่ฝัน
แต่อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าทำถึงที่สุดแล้ว
- หน้า 148 -

ไม่มีใครไม่เคยล้ม
ไม่มีใครไม่เคยเสียน้ำตา
แต่สุดท้ายเราเองเป็นคนกำหนดว่า
หลังจากหยดน้ำตาเหือดแห้ง
เราจะยอมแพ้หรือเราจะไปต่อ
ตอบคำถามตัวเองที่ว่า...
"หยดน้ำตาที่เสียไปสำคัญแค่ไหนกัน?"
- หน้า 148 -

การมีเป้าหมาย
เป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง
แต่เมื่อไปถึงแล้วจะพอใจกับสิ่งที่ได้รับหรือเปล่า
นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
- หน้า 200 -

【รีวิว】The Lion, the Witch and the Wardrobe

หนังสือ “The Lion, the Witch and the Wardrobe”
นวนิยายชุด The Chronicles of Narnia เล่ม 2
ผู้เขียน : ซี. เอส. ลิวอิส (C. S. Lewis)

หนังสือพาไป | The Lion, the Witch and the Wardrobe

         นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ผมกลับมาอ่านนวนิยายชุดนี้อีกครั้ง  ตัวผมเองชอบอะไรที่เกี่ยวกับนาร์เนียมากกก  ชอบตั้งแต่ไปดูหนังในโรงกับคุณพ่อแล้วครับ  (ณ ปัจจุบัน ยังคงเฝ้ารอภาค 4 อย่างใจจดใจจ่อ  ชาตินี้จะได้ดูมั้ย)  แต่คราวนี้ผมเลือกอ่านเป็นฉบับภาษาอังกฤษครับ จะได้ฝึกภาษาไปในตัว  อีกใจหนึ่งก็แอบอยากอ่านสำนวนจริง ๆ ของคุณซี. เอส. ลิวอิส ผู้เขียนด้วย  ภาษาอังกฤษในเรื่องนี้ค่อนข้างง่ายนะครับ แต่ออกจะโบราณอยู่บ้าง  ถ้าใครอยากฝึกภาษาอังกฤษก็อ่านได้เลยครับ สบายมาก

         เรื่องราวในเล่มก็คล้าย ๆ กับหนังที่หลาย ๆ คนได้ดูแหละครับ  แต่ฉบับนวนิยายจะออกแนวนิทานสำหรับเด็กมากกว่า  ฉากรบเอย ฉากสงครามเอย จะไม่อลังการเท่าในหนัง  บางฉากในหนังนี่ยาวมากก แต่ในนิยายแค่ 2 หน้า  พออ่านจบก็อุทานแบบ "แค่เนี้ยะ?!"  รวม ๆ ทั้งเล่มไม่หนามาก  อ่านเพลิน ๆ ก็จบเล่มแล้วครับ

         หลังอ่านจบผมก็ยิ่งเป็นติ่งนาร์เนียขึ้นไปอีกครับ  หลังจากห่างหายจากนาร์เนียไปนาน  คราวนี้กลับมาติ่งอีกครั้ง แล้วก็ติ่งแรงส์ด้วย  นวนิยายชุดนี้เป็นนวนิยายที่ผมชอบมากที่สุดครับ  นาร์เนียไม่ใช่แค่เรื่องแต่ง แต่นาร์เนียคือ "เวทมนตร์"

For Narnia and for Aslan!!!!!!!!!!!!!

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2561

【รีวิว】Bon En Khmer

หนังสือ “Bon En Khmer”
ผู้เขียน : บองเต่า

หนังสือพาไป | Bon En Khmer

         Bon En Khmer เป็นหนังสือที่บอกเล่าประสบการณ์การไปทำงานที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ของคุณบองเต่า  เจ้าของผลงาน Bon En France ผู้นี้ นี่เองงงงง!!

         คุณบองเต่ายังคงเล่าเรื่องได้น่าติดตามเหมือนเดิม  เผลอแป๊บเดียวก็อ่านจบเล่มแล้วครับ555  หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ผมรู้สึกว่าตัวเองได้รับความรู้เกี่ยวกับคนเขมรหลายเรื่องเลยทีเดียว  ไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรมการแต่งงาน, การกิน, ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ  หนังสือเล่มนี้ได้ช่วยเปิดโลกทัศน์ของผมมากเลยครับ

         ไม่ใช่แค่ความสนุกและอรรถรสอย่างเดียวที่เราได้รับจากหนังสือเล่มนี้  ผู้เขียนเองยังให้ข้อคิดกับเราอีกด้วย  ขุ่นพระ!  ในบางแง่มุมที่คุณอาจจะเคยมองข้าม  หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณฉุกคิดได้ครับ  งงอะดิ555  ถ้าอยากรู้ต้องไปหามาอ่านเองค้าบ

คำคมจากหนังสือ "Bon En Khmer"


สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นย่อมดีเสมอ
- หน้า 209 -

วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2561

【รีวิว】Bon En France

หนังสือ “Bon En France”
ผู้เขียน : บองเต่า

หนังสือพาไป | Bon En France

         Bon En France เป็นหนังสือที่บอกเล่าถึงประสบการณ์ชีวิตของคุณบองเต่า ที่ไปเรียน MBA ถึงประเทศฝรั่งเศส  ดินแดนที่คนไทยหลายคนรวมถึงตัวผมหลงใหล

         หากพูดถึงประเทศฝรั่งเศส หลายคนคงนึกถึงหอไอเฟล, ประตูชัย, Louis Vuitton และภาพความหรูหราของประเทศนี้  แต่นั่นเป็นเพียงมุมมองของคนที่ "ไปเที่ยว" เท่านั้นครับ  เมื่อผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบ  ผมจึงได้รู้ว่ามุมมองที่ผมมีต่อประเทศฝรั่งเศสนั้นแคบแสนแคบ  คุณบองเต่าได้เปิดมุมมองที่ผมมีต่อประเทศฝรั่งเศส  ทำให้ผมได้ทราบเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับประเทศนี้  เรื่องราวที่ผู้ที่ได้ไปอยู่จริง ๆ เท่านั้นที่ได้รับรู้

         การเล่าเรื่อง, บรรยาย, พรรณนา ต่าง ๆ ในเล่มนี้  ไม่มีบทไหนที่น่าเบื่อเลยครับ  คุณบองเต่าเองน่าจะเป็นคนที่มีวาทศิลป์อยู่พอสมควร  ถึงได้เล่าเรื่องออกมาได้สนุกขนาดนี้  บางที เวลาที่ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ ผมจะเปิดกูเกิลแม็ปดูไปพลาง  มันจะทำให้เราเห็นภาพมากขึ้น ว่าสถานที่ในเรื่องนั้นอยู่ตรงไหน  พูดแล้วอยากไปเห็นพระราชวังฟงแตนโบลสักครั้ง

         หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมได้รู้เรื่องราวมากมาย ได้ประสบการณ์ที่น่าจดจำเสมือนไปเรียนที่ฝรั่งเศสด้วยตัวเอง และที่สำคัญคือได้แรงบันดาลใจครับ :)

คำคมจากหนังสือ "Bon En France"


"มันคือหนึ่งปีที่โลกใบเดิมดูเล็กลง
และเราสามารถไปที่ไหนในโลกก็ได้
เพียงแค่เราตั้งใจจะก้าวไปหามัน"
- หน้า 428 -